ขับรถขณะฝนตกหนัก อย่างไรให้ปลอดภัย

20 Feb 2025
Share แชร์ Share on Facebook Share on Twitter Share on Line
tips-to-drive-safely-in-the-heavy-rain

จะเข้าหน้าฝนแล้วอีกแค่ไม่กี่เดือนเรามาเตรียมรับมือกันดีกว่า หลายๆคนกังวลกับการขับรถในช่วงหน้าฝนเพราะเข้าหน้าฝนทีไร เรื่องการขับรถนี่เป็นอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษมากๆ ทั้งถนนที่ลื่น มองถนนไม่ชัด รถติดเป็นแพ แถมอุบัติเหตุก็มีให้เห็นเพียบ!  แต่ไม่ต้องกังวลไป ถ้าเรารู้เทคนิคขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัยก็ลดความเสี่ยงไปได้เยอะ มาดูกันว่าควรทำยังไงบ้าง


1.ลดความเร็วลง เผื่อระยะเบรกให้มากกว่าปกติ 

ฝนตกแล้วถนนลื่นมาก ขับแบบใจเย็น ค่อยๆไป ถ้ายังขับเร็วเหมือนตอนถนนแห้ง มีโอกาสเสียหลักสูงมาก! ทางที่ดีคือลดความเร็วลง ขับแบบนุ่มนวล ไม่เปลี่ยนเลนกะทันหัน 

2.เปิดไฟหน้าช่วยให้มองทางชัดขึ้น และทำให้รถคันอื่นเห็นเราได้ง่ายขึ้น 

เปิดไฟหน้าเพิ่มการมองเห็น ฝนตกหนักทำให้ทัศนวิสัยแย่ระหว่างขับรถ อย่าลืมว่าไฟตัดหมอกใช้เฉพาะตอนหมอกลงจัด ๆ เท่านั้น เพราะถ้าเปิดผิดจังหวะ อาจจะแยงตาคนอื่นได้

3.อย่าแตะเบรกแรง  

ถ้าเบรกแรงตอนฝนตกมีโอกาสล้อล็อกทำให้รถเสียการควบคุม ควรแตะเบรกเบาๆค่อยๆและชะลอความเร็วลงหรือถ้ารถมี ABS ก็ช่วยได้เยอะเลย

4.เว้นระยะห่างจากคันหน้า ให้มากขึ้น 

เวลาฝนตกถนนลื่นระยะเบรกจะยาวขึ้น ดังนั้นควรเผื่อระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าปกติอย่างน้อย 2-3 เท่า จะได้มีเวลาหยุดรถทัน

5.ที่ปัดน้ำฝนต้องใช้งานได้ดี 

ถ้าที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพจะทำให้ปัดน้ำออกได้ไม่หมด มองไม่เห็นทางชัดเจน ตรวจเช็กให้แน่ใจว่าที่ปัดน้ำฝนใช้งานได้ดี ไม่ฝืด ไม่ทิ้งคราบน้ำ

6.มีสติตลอด 

ข้อนี้สำคัญมาก บางทีเจอฝนตกหนักมากๆ อาจรู้สึกกังวลแต่พยายามตั้งสติ ขับไปช้าๆ ถ้ามองไม่เห็นทางจริงๆ แนะนำให้หาที่ปลอดภัยจอดรอให้ฝนซาก่อน อย่าฝืนขับไปเด็ดขาด


แค่ทำตาม 6 ข้อเท่านี้ก็จะทำให้คุณอุ่นใจขึ้น อย่าลืม! พยายามขับรถด้วยความระมัดระวังจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับทุกคนบนท้องถนน เราหวังว่าทริคเหล่านี้จะช่วยให้คุณขับขี่อย่างปลอดภัยในช่วงหน้าฝน


จุดสำคัญของรถยนต์ ต้องตรวจเช็กก่อนออกเดินทางในหน้าฝน

ถ้าเราไม่เตรียมรถยนต์ของเราให้พร้อมอาจเสี่ยงต่ออุบัติเหตุหรือรถเสียกลางทางในขณะขับได้ เพราะฉะนั้นก่อนออกเดินทางช่วงหน้าฝนเราควรเช็ครถทุกครั้ัง ควรเช็กอะไรบ้างไปดูกัน

1. ยางรถยนต์ ยางรถถือเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะถ้าดอกยางสึกหรือเริ่มโล้น ทำให้รถลื่นและเสี่ยงเหินน้ำ (Hydroplaning) เป็นอย่างมากเพราะฉะนั้นดอกยางควรลึก 3-4 มม.
เคล็ดลับเช็คยาง ลองเอาเหรียญบาทเสียบลงไปในร่องยาง ถ้ามองเห็นพระเศียรชัดเจนแปลว่าดอกยางเริ่มสึก ควรเปลี่ยนยางด่วน!

2. ที่ปัดน้ำฝน  ปัดสะอาดไหม? ลองเปิดที่ปัดน้ำฝนดูถ้าปัดแล้วมีคราบน้ำหรือปัดไม่สะอาด อาจเป็นเพราะยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนทันทีไม่งั้นเวลาฝนตกหนักอาจมองทางไม่เห็น

3.ไฟส่องสว่าง ต้องชัดทุกดวง ฝนตกทีไรทัศนวิสัยแย่แน่นอน ดังนั้นไฟหน้ารถ, ไฟท้าย, ไฟเบรกและไฟเลี้ยวต้องติดครบทุกดวง เพื่อให้มองเห็นทางและให้รถคันอื่นเห็นเราชัดเจน

อ่านเพิ่มเติม เช็คระยะรถยนต์สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องเช็ค ?

4.แบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า หน้าฝนแบบนี้ถ้าแบตรถเสื่อมแล้วไปจอดในที่น้ำขังหรือโดนฝนหนักๆ อาจสตาร์ทไม่ติดได้ง่ายๆ วิธีเช็กก็คือ ลองสตาร์ทรถ ถ้ารู้สึกติดยากหรือไฟหน้าหรี่ผิดปกติอาจต้องเปลี่ยนแบต และขั้วแบตต้องสะอาดไม่มีคราบขี้เกลือ

5. ระบบเบรก ห้ามมองข้ามเด็ดขาด ฝนตกแล้วถนนลื่น ถ้าเบรกมีปัญหาคือพังแน่ๆ วิธีเช็กเบรกแบบง่ายๆ ก็คือ

  1. ลองเหยียบเบรกดูว่ามีเสียงแปลกๆไหม
  2. ถ้าเบรกแล้วรู้สึกจมกว่าปกติ อาจมีลมเข้าไปในระบบต้องให้ช่างเช็ก
  3. ตรวจสอบน้ำมันเบรก ต้องอยู่ในระดับปกติและไม่มีสีขุ่น

หากคุณขับรถลุยน้ำขังมา เราแนะนำให้แตะเบรกเบาๆซ้ำๆเพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก

อันตรายที่ควรระวังขณะขับรถตอนฝนตก รู้ไว้จะได้ไม่พลาด!
 

     ถนนลื่นเวลาฝนตกใหม่ๆ

ถนนจะลื่นเป็นพิเศษเพราะน้ำฝนไปผสมกับฝุ่นและคราบน้ำมันบนถนน ทำให้การยึดเกาะลดลง  ถ้าหากคุณขับเร็วหรือเบรกแรงๆอาจเสียหลักได้ง่ายๆ

วิธีป้องกัน

  1.  ลดความเร็ว ขับแบบนุ่มนวล
  2.  ไม่เปลี่ยนเลนกะทันหัน
  3.   เว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากกว่าปกติ


     น้ำขังข้างทาง 

บางครั้งน้ำขังข้างทางอาจเป็น "หลุมลึก" โดยที่เราไม่รู้ ถ้าขับลุยไปโดยไม่ทันสังเกต อาจทำให้รถเสียหลักหรือช่วงล่างพังได้

วิธีป้องกัน

  1. หลีกเลี่ยงการขับชิดไหล่ทางที่มีน้ำขัง
  2. ขับผ่านแอ่งน้ำด้วยความเร็วต่ำ อย่ากดคันเร่งแรง


     เสี่ยงโดนฟ้าผ่า

ถ้าอยู่กลางแจ้ง หลายคนอาจคิดว่าอยู่ในรถปลอดภัย 100% แต่ถ้ารถจอดอยู่ที่โล่งๆ เช่น สะพานลอยลำ, น้ำท่วมขังหรือจุดที่มีเสาไฟฟ้าสูงๆ ก็ยังมีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้

วิธีป้องกัน

  1.  หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่โล่งกลางแจ้ง
  2.  ปิดวิทยุและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ
  3.  อยู่ในรถและไม่แตะโลหะในตัวรถ


การดูแลรถหลังขับลุยฝน

ขับลุยฝนมาแล้ว ถ้าไม่ดูแลให้ดีอาจเจอปัญหาตามมาเพียบทั้งสีรถหมองคล้ำ, สนิมขึ้น, เบรกเสียงดัง อาจทำให้แม้แต่เครื่องยนต์พังได้เลย มาดูวิธีการ “การดูแลรถยนต์หลังขับลุยฝน” แบบง่ายๆแต่ได้ผลดีกันกว่า

     1.ล้างรถโดยทันที หลายๆคนคิดว่าจะล้างทำไม ในเมื่อฝนได้ชำระล้างให้เรียบร้อยแล้ว แต่จริงๆไม่ใช่ น้ำฝนมีกรดและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้สีรถหมองหรือทิ้งคราบน้ำได้

วิธีการดูง่ายๆ 

  1. ล้างรถด้วยน้ำสะอาดทันทีหลังฝนหยุด
  2. เช็ดให้แห้ง อย่าปล่อยให้คราบน้ำแห้งติดสีรถ
  3. ใช้น้ำยาเคลือบสีช่วยป้องกันคราบฝังแน่


     2.เช็คช่วงล่างให้ดีหลังลุยน้ำมา โคลนและเศษขยะอาจไปติดตามซุ้มล้อ ใต้ท้องรถ หรือชิ้นส่วนช่วงล่าง ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจเกิดสนิม หรือทำให้ช่วงล่างเสื่อมสภาพเร็วขึ้น 

วิธีการดูง่ายๆ 

  1. ล้างช่วงล่างด้วยน้ำแรงดันสูง
  2. เช็กซุ้มล้อว่ามีเศษดินติดอยู่ไหม
  3. ถ้าขับลุยน้ำท่วมสูง อาจต้องนำรถไปอัดจาระบีที่จุดต่างๆ


     3.เช็กน้ำมันเครื่องและของเหลวในรถ ถ้าขับผ่านน้ำท่วมหรือแช่น้ำมานานๆ อาจมีโอกาสที่น้ำเข้าไปในเครื่องยนต์

วิธีการดูง่ายๆ 

  1. เปิดฝากระโปรง เช็กระดับน้ำมันเครื่อง ถ้ามีคราบขาว ๆ หรือขุ่น ควรเปลี่ยนทันที
  2. ตรวจสอบน้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ และน้ำหล่อเย็น ว่ามีการปนเปื้อนหรือไม่
  3. ถ้าขับลุยน้ำท่วมสูง แนะนำให้เข้าศูนย์เช็กเครื่องยนต์

อ่านเพิ่มเติม โค้งอันตรายในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับเรื่องเล่าสุดหลอน ขับไประวังเจอดี !!


     4.เบรกอาจมีน้ำเข้า เช็กให้ดี! น้ำอาจเข้าไปในระบบเบรกทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่หรือทำให้เบรกแล้วมีเสียงดัง

วิธีการดูง่ายๆ

  1. ลองเหยียบเบรกเบาๆหลายครั้งเพื่อช่วยไล่น้ำ 
  2. ถ้ายังมีเสียงดังหรือเบรกฝืดควรนำไปเข้าศูนย์
  3. ตรวจสอบผ้าเบรกและจานเบรกไม่ให้มีสนิมเกาะ


หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ตรงใจ ทั้งรถใหม่ป้ายแดงและรถมือสองคุณภาพเยี่ยม รถบ้านเจ้าของขายเอง เว็บไซต์รถพร้อมขาย พร้อมให้บริการคุณ เช็คราคากลางบนเว็บไซต์และลงขายได้เลยเรายังมีรถหลากหลายรุ่นจากทุกแบรนด์ดัง เช่น Toyota, Honda, Isuzu, Ford, Nissan, Mazda, BMW, Mercedes-Benz และอีกมากมาย ราคาดี คุ้มค่า
เช็กสเปกง่าย  มีเอกสารครบ ซื้อ-ขายปลอดภัย มั่นใจได้เลย ค้นหารถที่ใช่ คลิกเลย! rodpromptkai.com