ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ PM 2.5 เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ฝุ่นชนิดนี้มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ทำให้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา
ยานพาหนะ: ควันจากท่อไอเสียรถยนต์โดยเฉพาะจากเครื่องยนต์ดีเซล ที่ปล่อยก๊าซและเขม่าควันออกมา
การเผาขยะและเศษผลผลิตทางการเกษตร: เช่น เผาไร่อ้อย เผานาข้าว ส่งผลให้เกิดหมอกควันขึ้นโดยเฉพาะในทางภาคอิสาน
โรงงานอุตสาหกรรม: โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
ไฟป่าและการเผาป่า: ทำให้เกิดฝุ่นละอองและเขม่าควันปริมาณมาก
1.ระบบทางเดินหายใจ
การสูดดมฝุ่น PM 2.5 อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในจมูกและลำคอ มีอาการไอ จาม หายใจลำบาก และอาจทำให้โรคหอบหืดหรือภูมิแพ้กำเริบได้
2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าสู่กระแสเลือด เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ และภาวะหัวใจล้มเหลว
3.ระบบประสาทและสมอง
การได้รับฝุ่น PM 2.5 ในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองและอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองในระยะยาวได้
4.ผลกระทบต่อเด็กและสตรีมีครรภ์
เด็กและสตรีมีครรภ์เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง การได้รับฝุ่น PM 2.5 อาจทำให้ทารกในครรภ์เติบโตได้ช้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
อ่านเพิ่มเติม
วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 เข้าในรถ คลิ๊ก
9 โรคเสี่ยงอุบัติเหตุ ห้ามขับรถ
1.คุณภาพอากาศแย่ลง
ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดหมอกควัน ลดทัศนวิสัยในการขับรถ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
2.ผลกระทบต่อพืชและสัตว์
ฝุ่น PM 2.5 ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสัตว์และพืชอีกด้วย เช่น สัตว์เลี้ยงอาจมีปัญหาสุขภาพจากการสูดดมฝุ่นและพืชอาจได้รับผลกระทบต่อการเจริญเติบโต
เช็คค่าฝุ่นได้ที่เว็บไซต์: www.air4thai.com
เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับท่อไอเสีย
ค่ามาตรฐานไอเสียที่ถือว่าผิดกฎหมายขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ การตรวจจับท่อไอเสียแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1.ค่าควันดำ (สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล)
2.ค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และไฮโดรคาร์บอน (HC) สำหรับเครื่องยนต์เบนซินและแก๊ส (LPG/NGV)
บทลงโทษกรณีฝ่าฝืน
คำตอบอาจจะไม่ได้ตรงไปตรงมาเพราะทั้งสองเครื่องยนต์มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกัน วันนี้เราจะมาดูกันว่าเครื่องยนต์ประเภทไหนเป็นยังไงบ้าง ตัวไหนปล่อยมลพิษน้อยกว่ากัน
ข้อดี ปล่อยควันดำและฝุ่นละออง (PM2.5) น้อยกว่า ดีเซล
ข้อเสีย การเผาไหม้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าดีเซล ทำให้ปล่อย CO₂ สูงกว่าดีเซล
ข้อดี เครื่องยนต์ดีเซลจะปล่อย CO₂ น้อยกว่าเบนซิน (เพราะเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงกว่า)
ข้อเสีย ตัวไนโตรเจนออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาเยอะ ทำให้เกิดปัญหา PM2.5 ที่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพทางอากาศเป็นอย่างมาก
เครื่องยนต์ดีเซลใช้หลักการเผาไหม้ที่แตกต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน มันมีแรงอัดสูงกว่าทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับมลพิษที่เลี่ยงไม่ได้นั่นคือ ควันดำ, การเกิดฝุ่น PM2.5 และ กำมะถัน (SOx) ที่ทำให้เกิดฝนกรดและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ยิ่งโดยเฉพาะรถดีเซลเก่าที่ไม่มีระบบกรองไอเสียที่ดี จะปล่อยควันดำกับ PM2.5 ออกมาเต็มๆ
จะแก้ปัญหายังไงดี?
ขับยังไงให้ช่วยโลกและเพื่อนร่วมถนน แค่ปรับพฤติกรรมขับรถแบบใหม่ก็ช่วยให้ถนนปลอดควันดำขึ้นได้แล้ว มาดูกันว่าทำยังไงได้บ้าง
1.เร่งเครื่องให้น้อยลง = ฝุ่นน้อยลง หลายคนชอบเหยียบคันเร่งโดยไม่จำเป็น ยิ่งเร่งแรง เครื่องยนต์ยิ่งเผาไหม้เชื้อเพลิงมากขึ้น ทำให้เกิดควันและฝุ่น PM2.5 มากขึ้น ทางที่ดี ให้ค่อยๆ เหยียบคันเร่งและรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอจะช่วยให้เผาไหม้สมบูรณ์ขึ้นและลดมลพิษได้เยอะ
2.ดับเครื่องถ้าต้องจอดนาน จอดรถติดไฟแดงควรดับเครื่องยนต์ เพราะการติดเครื่องไว้ยังปล่อยก๊าซเสียและ PM2.5 ออกมาเรื่อยๆ
3.ดูแลรถให้ดี
4.ใช้เชื้อเพลิงสะอาด เช่น ถ้าเป็นรถดีเซลควรใช้ดีเซล B7 หรือดีเซลกำมะถันต่ำ เพื่อลดควันดำ และ ถ้าเป็นรถเบนซินเลือกน้ำมันที่มีมาตรฐานยูโร 5 ขึ้นไป จะช่วยลดมลพิษได้มาก
DPF (Diesel Particulate Filter) หรือ ตัวกรองฝุ่นละอองดีเซล เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยดักจับฝุ่น PM ก่อนที่มันจะออกจากท่อไอเสีย ถ้ารถของคุณสามารถติดตั้งได้ แนะนำให้ติดเลยช่วยลดฝุ่นได้เยอะมาก
การที่เราดูแลรถยนต์ของเราให้ดีไม่ใช่แค่ช่วยลดฝุ่น PM2.5 แต่ยังช่วยให้รถประหยัดน้ำมัน แถมเครื่องยนต์ยังคงทนทานขึ้นอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหารถยนต์มือสองคุณภาพดี รถบ้านเจ้าของขายเอง หรือลงขายรถ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ RodPromptKai ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมรถมือสองจากหลากหลายแบรนด์ พร้อมรับประกันคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า และบริการสำหรับการลงขาย ให้คุณสามารถเช็คราคาขาย ตั้งราคา โพสต์ขาย และรอการติดต่อกลับได้เลย