9 โรคเสี่ยงอุบัติเหตุ ห้ามขับรถ !!

25 Nov 2024
Share แชร์ Share on Facebook Share on Twitter Share on Line
9-diseases-affect-ability-to-drive

     ทุกคนรู้กันหรือไม่ว่า อุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ได้มาจากความประมาทของผู้ขับขี่เพียงแค่อย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม สภาพรถยนต์ที่ไม่พร้อมต่อการใช้งาน หรือปัญหาด้านสุขภาพการมีโรคประจำตัว หรือโรคเรื้อรังต่าง ๆ ของผู้ขับขี่ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นได้ จึงได้มีการออกกฎหมายบังคับใช้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง ในบทความนี้ RodPromptKai จะมาบอกทุกคนว่า 9 โรคที่ห้ามขับรถนั้นมีโรคอะไรบ้าง ?                                      

1. โรคที่เกี่ยวกับสายตา 

ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม โรคเหล่านี้จะทำให้การมองเห็นในช่วงเวลากลางคืนนั้นไม่ชัด สำหรับคนที่เป็นต้อหินนั้น จะทำให้การมองเห็นมุมมองของสายตานั้นจะแคบลง ทำให้มองเห็นภาพบริเวณรอบๆได้ไม่ดี รวมถึงการมองเห็นแสงไฟบอกทาง หน้าไฟหน้ารถที่พล่ามัวได้อีกด้วย

2. โรคทางสมอง 

โรคทางสมองที่ยังเป็นไม่มากอย่างอาการหลงลืม โดยการขับขี่รถยนต์นั้นหากมีอาการหลงลืม นอกจากจะทำให้ลืมเส้นทางแล้วนั้นอาจจะทำให้ระบบสมาธิมีปัญหาจนทำตัดสินใจเร่งด่วนได้ยากลำบาก เพราะบางทีสมาธิในการขับรถนั้นก็อาจจะมีน้อยลงด้วย

3. โรคหลอดเลือดสมอง 

โรคหลอดเลือดในสมอง ทำให้แขนขานั้นไม่มีแรงขับรถ หรือ เหยียบคันเร่ง เหยียบเบรก บางคนนั้นอาจมีการเกร็งและชักกระตุก หรือ ขากระตุก ส่งผลต่อการเหยียบเบรกหรือเหยียบคันเร่ง บางคนประสานงานแขนกับขาได้ไม่ดีหรือระบบสมองอาจสั่งการได้ไม่ดีเช่นเดิม และความไวของการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ลดลงอีกด้วย

4. โรคพาร์กินสัน 

เป็นโรคที่มีอาการเกร็ง มือสั่น เท้าสั่น ทำอะไรช้าลง ทำให้ขับรถได้ไม่ดี เป็นโรคที่ผู้ป่วยนั้นเกิดอาการทางระบบประสาท ทั้งการเคลื่อนไหวช้า อาการสั่น มักจะสั่นขณะอยู่เฉยๆ แต่หากขยับตัวนั้นการสั่นก็จะลดลง แต่ก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงพอสมควรสำหรับการขับขี่รถ

5. โรคลมชัก 

เป็นโรคที่จะมีอาการเกร็งชัก และกระตุกโดยที่ไม่รู้สึกตัว โดยเป็นโรคที่สามารถเกิดได้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย ซึ่งอาจเกิดมาจากหลากหลายสาเหตุ เกิดจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าในสมอง หากถูกกระตุ้นมากไปก็จะทำให้เกิดอาการชักได้ โดยแต่ละครั้งที่เกิดอาการชักนั้นจะขึ้นอยู่กับว่าสมองส่วนไหนที่ถูกกระตุ้น

6. โรคไขข้อ ข้อเสื่อม ข้ออักเสบต่าง ๆ 

โรคเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อการขับรถโดยตรง หากการเจ็บปวดเกิดขึ้นจะทำให้เราไม่สามารถใช้ร่างกายของเราได้อย่างเต็มที่ หรือการขยับตัวลำบาก หรือไม่สามารถนั่งขับรถแบบนานๆ ได้

7. โรคหัวใจ 

โรคหัวใจนั้นเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอกได้ เมื่อต้องขับรถนานๆ หรือสภาพความเครียด ความกดดันจากรถติด หรือปัญหาการจราจร

8. โรคเบาหวาน 

โรคเบาหวานจะทำให้ผู้ป่วยนั้น มีอาการหน้ามืด ใจสั่น สมาธิไม่ดี ตาพร่า และน้ำตาลในเลือดนั้นมีปริมาณต่ำลง จะทำให้ความสามารถในการขับขี่นั้นลดตามลงไปด้วย

9. การทานยา 

การทานยาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพราะยาบางตัวนั้นอาจจะไม่ได้มีหรือเป็นโรคขั้นต้นที่กล่าวมาแต่อาจมีการทานยาในปริมาณมาก ยาบางชนิดอาจมีผลทำให้ง่วงซึมหรือง่วงนอน และอาจจะทำให้มึนงงและสับสนเวลาขับรถ ไปจนถึงการตัดสินใจต่าง ๆ และสมาธิในการขับรถก็ลดลงไปด้วย

     9 โรคนี้ถือเป็นโรคต้องห้ามล้วนแต่มีความเสี่ยงต่อการตัดสินใจ และเป็นโรคที่ส่งผลต่อสภาพร่างกายทำให้ความสามารถในการขับขี่รถยนต์นั้นมีน้อยลง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ว่า หากมีโรคประจำตัวต่าง ๆ หรือโรคที่มีความเสี่ยงอย่างโรคข้างต้นนั้น ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่รถยนต์หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางควรมีคนขับรถให้จะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของตัวเราและผู้ร่วมทางนั่นเอง

“ด้วยความห่วงใยจาก rodpromptkai”

     สำหรับท่านใดที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงและกำลังมองหารถมือสองไว้ใช้งานสักคัน ที่ rodpromptkai.com มีรถให้ท่านได้เลือกมากมายหลากหลายแบรนด์ สามารถเข้ามาแวะเวียนเยี่ยมชมรถในเว็บไซต์ของเราได้ หรือใครอยากขายรถสามารถมาลงประกาศขายรถบ้านของคุณฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย !! ซื้อง่าย ขายจบภายในเว็บเดียว !

อ่านเพิ่มเติม : รถมือสองดียังไง ?